![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392db08dfd76ede59493a5a_cv.jpg)
เหล่าฝูงกวางตัวน้อยเต้นระบำที่ ‘ซ่างซือ’
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db968ede13a37/6063345cc13db9afcbe13a84_Clock.png)
9
December
2022
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db968ede13a37/6063345cc13db9afcbe13a84_Clock.png)
9
December
2022
ผู้เขียน: ถัง ฉี นิตยสาร China-ASEAN Panorama
ทุกปีเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน หยวนเซียว ซานเยว่ซาน หรือเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ที่อำเภอซ่างซือ เมืองฝางเฉิงก่าง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง จะมีโชว์การแสดงที่เรียกว่า “เต้นกวาง” หรือ “อู่ลู่” (舞鹿) ออกแสดงทั่วไปตามท้องถนน ช่วยสร้างบรรยากาศครื้นเครงให้กับงานเทศกาล และทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นสัมผัสได้ถึงความร่าเริงมีชีวิตชีวา
เต้นกวาง เสริมความเป็นสิริมงคล
หลี่ หลิวปิน ผู้สืบทอดศิลปะการแสดงเต้นกวางในอำเภอซ่างซือเล่าว่า คนท้องถิ่นที่นี่มีความผูกพันกับกวางมาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่าในสมัยราชวงศ์ชิง มีบุตรหลานของครอบครัวหนึ่งในอำเภอซ่างซือป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส ขณะนั้นคนที่บ้านไม่สามารถหายามารักษาได้ อาการป่วยของเด็กจึงเรื้อรังรักษาไม่หาย เพื่อที่จะหาหนทางรักษา คนที่บ้านได้ขึ้นไปหาสมุนไพรบนภูเขา แล้วบังเอิญพบกับผู้เฒ่าท่านหนึ่งซึ่งรู้วิธีรักษาโรคอีสุกอีใส เขาแนะนำตำรับยาที่ทำมาจากมูลกวางและเขากวาง เมื่อนำไปชงเป็นชาให้เด็กดื่มก็จะสามารถช่วยรักษาโรคอีสุกอีใสได้
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dbd40e309b4ee673076a_1.jpg)
หลังจากทำตามที่ผู้เฒ่าบอก อาการของอีสุกอีใสก็หายเป็นปลิดทิ้ง คนในครอบครัวนี้จึงนำตำรับยาดังกล่าวไปบอกต่อกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน ทำให้เด็ก ๆ มากมายหายจากโรคอีสุกอีใส นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของกวาง ในทุกช่วงตรุษจีนหรืองานเทศกาลต่าง ๆ ชาวบ้านจะร่วมกันประดิษฐ์กวางที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับหัวสิงโตที่ใช้ในการแสดงเชิดสิงโต แล้วให้บรรดาลูก ๆ หลาน ๆ เต้นเลียนแบบท่าทางของกวาง ถือเป็นการขอให้ลูกหลานจะสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลอดภัย ไร้โรคภัยไข้เจ็บ ฉลาดเฉลียว ประสบแต่ความสุขความเจริญในชีวิต และประเพณีการเต้นกวางก็สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นนับตั้งแต่นั้นมา
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc019cc96d5650c16139_2.jpg)
การแสดงเต้นกวางเป็นที่นิยมชมชอบของชาวบ้านในอำเภอซ่างซือ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก ๆ ดังนั้นในทุกงานเทศกาลสำคัญจะมีการแสดงเต้นกวางด้วยเสมอ ระหว่างทำการแสดงพวกผู้ใหญ่จะนำเศษเหรียญมามอบเป็นอั่งเปาให้กับเด็ก ๆ หรือโยนลงกับพื้น หรือวางไว้ข้างตัวกวาง เพื่อให้กวางน้อยคาบไป
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc0edd5cc2fd0e987f0b_3.jpg)
ศิลปะการเต้นกวางของอำเภอซ่างซือสืบทอดกันมานับร้อยปี จากเดิมที่ทำเพื่อระลึกบุญคุณของกวาง ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการแสดงเพื่อความเป็นสิริมงคลที่ขาดไม่ได้ในทุกเทศกาลของชาวจ้วงในท้องถิ่น กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงจิตวิญญาณ ศิลปวัฒนธรรมของชาวจ้วง รวมถึงเป็นหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะการเต้นรำพื้นบ้านของจีน
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc1ee16380378c9809f2_4.jpg)
เบื้องหลังกว่าจะได้กวางสักหนึ่งตัว
หลี่ หลิวปิน มีสตูดิโอศิลปะการเต้นกวางที่หมู่บ้านน่าวาย อำเภอซ่างซือ ในสตูดิโอเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเต้นกวาง เช่น กลอง ฆ้อง ฉาบ และหัวกวางที่หลี่หลิวปินกับนักเรียนทำขึ้นเอง
ศิลปะการเต้นกวางเป็นการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลของเด็ก ๆ กลุ่มชาติพันธุ์จ้วงในอำเภอซ่างซือ เมืองฝางเฉิงก่าง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ชุดที่ 4 ของกว่างซี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2555
ชาวบ้านเล่าว่า ทุกครั้งที่มีคนแวะมาเยี่ยมชมสตูดิโอ หลี่หลิวปินจะดีใจมากจนถึงกับยิ้มไม่หุบตลอดทั้งวัน ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่หากเป็นเรื่องของการเต้นกวาง เขาสามารถพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ราวกับว่าการเต้นกวางเป็นกุญแจที่ช่วยเปิดประตูสู่โลกของการสนทนา
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc290e309b8212736d32_5.jpg)
หลี่ หลิวปิน เล่าขั้นตอนการทำตัวกวางและเทคนิคการแสดงเต้นกวางให้เราฟังอย่างฉะฉาน “ไม่ว่าจะเป็นการประดิษฐ์อุปกรณ์หรือทำการแสดง จะต้องพิถีพิถันทุกขั้นตอน” อันดับแรก กวางที่สมบูรณ์จะประกอบด้วยส่วนหัวและลำตัว โดยหัวกวางทำมาจากตอกไม้ไผ่ (ไม้ไผ่ที่ถูกผ่าเป็นเส้นบางๆ) หรือกระดาษแข็ง ส่วนลำตัวทำมาจากผ้าฝ้ายสีขาว หลังจากสานเค้าโครงส่วนหัวเสร็จ ก็จะใช้กาวแป้งเปียกค่อย ๆ แปะกระดาษคลุมหัวกวางไปทีละแผ่น จนได้ความหนา 7 ชั้น โดยแต่ละชั้นต้องติดให้เนียนเรียบเท่ากัน จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วหากิ่งเซียนท้อมาตัดแต่งเป็นเขาเสียบไว้บนหัวกวาง เท่านี้ส่วนหัวก็เป็นอันเสร็จ
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc311524bf5ae22a75d3_6.jpg)
หลังจากทำส่วนหัวและลำตัวเสร็จ ขั้นตอนต่อมาคือการลงลวดลายและสีสัน โดยลวดลายที่พบเห็นได้บ่อยคือลวดลายกุ้ง ส่วนสีที่ใช้จะมีตั้งแต่สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาว เป็นต้น แต่เนื่องจากกวางแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการลงลวดลายและสีสันจึงแตกต่างกันไปตามกวางแต่ละตัว รวมถึงขั้นตอนการวาดที่ทดสอบทั้งความอดทนและจินตนาการของช่างฝีมือ
สืบสานอนุรักษ์ศิลปะการเต้นกวาง
หลี่ หลิวปิน คลุกคลีกับการเต้นกวางมาตั้งแต่ยังเด็ก ตระกูลหลี่สืบทอดศิลปะการเต้นกวางมาแล้ว 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ จนมาถึงรุ่นของเขา ด้วยใจรักในศิลปะการเต้นกวางที่มั่นคงหนักแน่นของครอบครัวนี้ ทำให้มรดกพื้นบ้านโบราณดังกล่าวยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc3c1524bf00f32a7c08_7.jpg)
ทว่าด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมค่อย ๆ เลือนหาย ทุกวันนี้ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะออกมาเต้นกวางในช่วงเทศกาล เพื่อรักษาศิลปะพื้นบ้านอย่างการเต้นกวางนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป ในปี 2550 หลี่ หลิวปิน ตัดสินใจรวมกลุ่มเด็ก ๆ ตั้งเป็นทีมเต้นกวางประจำหมู่บ้าน และทุ่มเทให้กับการปรับปรุงพัฒนาท่าเต้นกวาง
ถึงแม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับการฝึก แต่พวกเด็ก ๆ กลับชื่นชอบเขามาก เด็ก ๆ ในทีมเต้นกวางต่างยิ้มพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราไม่กลัวอาจารย์หลี่เลย เขาใจดีกับพวกเรามาก อาจารย์หลี่เป็นทั้งอาจารย์และคนในครอบครัวของเรา การเรียนเต้นกวางกับเขาเป็นอะไรที่สนุกมาก”
![](https://cdn.prod.website-files.com/6063345cc13db992ffe13a50/6392dc48d2008655be944a58_8.jpg)
หลี่ หลิวปินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังคำตอบของเด็ก ๆ หลังจากที่พวกเด็ก ๆ กลับออกไปแล้ว เขาเดินไปเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าที่เดิม แล้วลูบหัวกวางเบา ๆ พร้อมกับพูดน้ำเสียงติดตลกว่า “ถึงแม้ผมจะอายุมากแล้ว แต่ถ้าพวกคุณอยากชม ผมแสดงให้ดูได้นะ”